
มีเรื่องเล่าว่า ในปี ค.ศ. 1674 ผู้หญิงอังกฤษต่อต้านการดื่มกาแฟ เพราะเป็นต้นเหตุทำให้เหล่าบรรดาสามี ต่างไปชุมนุมกันที่ร้านกาแฟมากกว่าจะยอมอยู่ติดบ้าน ทำไมผู้คนถึงชอบ หลงเสน่ห์และรักกาแฟ กันนัก จากการสำรวจวิจัยพบว่า ธุรกิจร้านกาแฟ เป็นกิจการในฝันของคนหนุ่มสาวครึ่งค่อนโลก สาเหตุที่กาแฟเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ก็เพราะกาแฟมีกาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารกระตุ้นอ่อน ๆ ที่กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง กล้ามเนื้อหัวใจ ระบบการหายใจ การขับปัสสาวะ และช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าได้นั่นเอง
สำหรับสาว ๆ ที่รักการมีผิวสวยแล้วละก็ สามารถนำกาแฟมาบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดีการขัดผิวเป็นเสน่ห์อย่างของสาวเอเชียมาแต่โบราณ ซึ่งมักใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติต่าง ๆ มาขัดผิว
การขัดผิวด้วยกาแฟจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ผิวสวย เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยที่เป็นคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวของกาแฟผสมอยู่นั่นเอง นอกจากนี้กาแฟยังมีคุณสมบัติในการช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของน้ำเหลืองซึ่งเป็นระบบการกำจัดของเสียทำงานได้ดียิ่งขึ้น
มีสูตรกาแฟเพื่อผิวสวยมาฝากสาว ๆ ( เนื้อหาส่วนใหญ่ตรงกับคำบอกเล่าจากปากของผู้ทดลองใช้จริงซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เขียนเอง และผู้เขียนก็เป็นฝ่ายสนับสนุนผงกาแฟ )
1. สูตรสครับกาแฟบริสุทธิ์
โดยการนำผงกาแฟที่บดละเอียด (ผงที่พร้อมใช้ชงกาแฟดื่มนั่นแหล่ะ) 2 ช้อนโต๊ะ ผสมนมสด น้ำผึ้ง ในสัดส่วนที่พอดีสังเกตว่าไม่ข้นเกินไป และไม่เหลวเกินไป จากนั้นนำส่วนผสมที่เข้ากันดีแล้ว นำมาขัดผิววนเป็นวงกลมตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นมาตามลำตัว แขนไหล่ หน้าอก ควรนวดวนไปมาหลายๆ ครั้ง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงอาบน้ำล้างตัวตามปกติ ผิวจะสวยเปล่งปลั่ง (อันนี้ผู้เขียนยังไม่เคยพิสูจน์นะ ผู้เล่าบอกว่าเปล่งปลั่ง ก็เชื่อตามนั้น)
2. สูตรกาแฟสมุนไพร
คล้ายๆ กะสูตรแรกเพียงเพิ่มส่วนผสมบางอย่างอีกเล็กน้อยก็ได้แก่ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ไพล (พืชหัวชนิดหนึ่ง) ดินสอพอง ใส่ส่วนผสมเหล่านี้อย่างละ 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้า พอกตัว (ต่างจากวิธีแรกที่ใช้ขัด) พอกไว้ 10 นาทีค่อยล้างออก ทำสัปดาห์ละครั้งก็พอ ไม่สวยเด้งให้รู้ไป
3. สูตรกาแฟผสมเกลือ
สูตรนี้มีเกลือสำหรับขัดผิวมาร่วมด้วย (เกลือทะเลสำหรับขัดผิว) รวมทั้งมีน้ำมันงาและฟองน้ำนุ่ม ๆ ก่อนขัดผิวต้องราดน้ำจนตัวเปียกชุ่มก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบน้ำมันงาแตะตามลำตัวบริเวณที่จะขัด แตะเกลือและกาแฟผงบริสุทธิ์ นำมาขัดเบา ๆมือ ให้ทั่วตัวแล้วค่อยล้างออก
ได้ข้อมูลใหม่แบบนี้อย่ารอช้า ลองไปทำกันดูเลยดีกว่า เพราะเรื่องผิวสวยรอกันไม่ได้หรอก จริงมั๊ยสาวๆ





ขมิ้นชัน สีเหลืองอมส้ม ที่นิยมนำมาทำแกงเหลือง หรือแกงปักษ์ใต้ มีฤทธิ์ร้อนในตัวเอง จัดเป็นพระเอกของการรักษาผิว ช่วยลบจุดด่างดำทำให้ผิวเปล่งปลั่งเนียนขึ้น บรรเทาผดผื่นคันทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และช่วยรักษาสิวทำให้สิวสุกและแห้งเร็ว สามารถใช้ได้ทั้งแบบแห้งและเปียก
ดินสอพอง ที่เรานิยมเอามาประแป้งกันในวันสงกรานต์ ทำจากดินขาวหรือเกาลินที่มักจะนำมาผ่านกระบวนการอบร่ำกับกลิ่นดอกไม้มาแล้ว เป็นแป้งที่มีความเย็นจึงช่วยบรรเทาผดผื่นได้ หรือทำเป็นดินพอกหน้า ช่วยกระชับรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียนขึ้นไม่แพ้ครีมพอกหน้าที่ขายกันแพงๆ (หากสังเกตดีๆ จะเห็นส่วนผสมที่ทำจากดินเกาลินเหมือนกัน) ก่อนใช้ควรนำดินสอพองมาอบ หรือคั่วในกระทะให้ร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วบดให้ละเอียด ผสมกับผงขมิ้น ในอัตราส่วน 10 : 1 สำหรับผู้ใหญ่ และ 20 : 1 สำหรับใช้ในเด็ก เวลาใช้นำไปผสมน้ำเย็นจัดพอให้ข้น ทาให้ทั่วผิว พอกทิ้งไว้ 15-30 นาที เหมาะกับคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย หากผสมกับนมสดจะใช้บำรุงผิวให้นุ่มนวล หรือคนที่ผิวมันหรือผิวแห้งมากอาจนำดินสอพองที่ผสมผงขมิ้นแล้วมาเติมน้ำผึ้ง ลงไปสัก 2 ช้อนโต๊ะ พอกหน้าไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยปรับสภาพผิวได้ดีขึ้น
น้ำผึ้ง ในเชิงแพทย์แผนโบราณถือว่าน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ มีการใช้น้ำผึ้งเป็นตัวประสานเนื้อยาสมุนไพรในการทำยาลูกกลอนมาแต่โบราณ เมื่อใช้กับการบำรุงผิวก็จะแทนมอยสเจอไรเซอร์ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งชุ่มชื่นและนุ่มนวล เหมาะกับฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้ง แตกเป็นขุย หรือผิวมัน
มะขามเปียก คุณทราบไหมว่ามะขามเปียกเป็นสินค้าส่งออกของบ้านเราไปยังประเทศที่ผลิต น้ำมันเพื่อไปล้างท่อน้ำมัน เป็นข้อยืนยันว่ามะขามเปียกมีสรรพคุณในการทำความสะอาดความมันบนใบหน้าอย่าง ล้ำลึก ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง โดยเฉพาะจะเหมาะมากกับผู้ใหญ่ที่เริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่น หรือคนที่เป็นฝ้า ในมะขามเปียกจะมีสาร AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป และมีสารเคลือบผิวเป็นฟิล์มบางๆ ช่วยเคลือบเซลล์ที่เริ่มแห้งเพราะสูญเสียความชุ่มชื้น เมื่อใช้เป็นประจำจะค่อยๆ ลบเลือนริ้วรอยได้ และช่วยทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น
มะเขือเทศ ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มเนียนใสเป็นสีชมพู โดยใช้มะเขือเทศสุกลูกโตๆ 1 ลูก แช่ให้เย็น แล้วนำมาฝานเป็นแว่นบางๆ แปะไว้ให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น หรืออาจใช้มะเขือเทศสีดาที่ใช้ทำส้มตำสัก 2-3 ลูก นำมาเจาะแล้วคว้านเอาน้ำข้างในออกมาชโลมผิวหน้า หรือผ่าแบ่งครึ่งแล้วกลับเอาด้านในออกมาคลึงเคล้าไปบนใบหน้าก็ได้
แตงกวา เราสามารถใช้น้ำที่คั้นจากแตงกวามาชะโลมที่ผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นบนใบหน้า และรอบดวงตา โดยเฉพาะช่วงหลังจากตากแดดมานานๆ ทำให้ผิวเย็น นำแตงกวา 2 ลูกหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วใส่เครื่องปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำวุ้นว่านหางจระเข้และน้ำผึ้ง ใช้ล้างหน้าแทนสบู่ หรือพอกไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก หรือฝานเป็นแว่นบางๆ วางแปะบนผิวหน้า พอรู้สึกว่าแห้งติดผิวแล้วก็ดึงออกเป็นมาสก์ (mask) ที่ช่วยดึงสิ่งสกปรกและเซลล์ที่ตายแล้วหลุดออกจากผิวหนังไปด้วย เป็นการรักษาความสะอาดในชั้นผิวที่ลึกขึ้น แล้วค่อยล้างน้ำออกเป็นปกติ
ว่านหางจระเข้ เป็นพืชสารพัดประโยชน์ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เคลือบผิวเพื่อรักษาสมดุลของน้ำและไขมันใต้ผิวหนัง รักษาผิวอักเสบ และผิวที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยปรับสภาพผิวไม่ให้แห้งหรือมันมากเกินไป และรักษาสิว ฝ้า 


